สวยใส ด้วยโยเกิร์ต

วันนี้อ่านจากเว็บ sanook ได้สูตรเด็ด สวยด้วยโยเกิร์ต มาฝาก กันค่ะ

 

สาวๆ หลายคนอาจเคยทราบมาบ้างแล้ว สำหรับใครยังไม่เคยทำ ก็ลองดูไม่เสียหายนะ เป็นวิธีจากธรรมชาติง่ายๆ ค่ะ

“สูตรดีท็อกซ์ หุ่นเป๊ะ ล้างสำไส้แบบธรรมชาติ “

สิ่งที่ต้องเตรียมก็คือ

1. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
2. นมสด 1 กล่อง
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
4. มะนาว ครึ่งลูก หรือเพิ่มความเปรี้ยวได้ตามชอบใจเลยค่ะ

วิธีการทำ
เทส่วนผสมทั้งหมดลงไปในถ้วย แล้วคนจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นทานทันที สูตรนี้แนะนำให้ทานในช่วงเวลา 7-9 โมงเช้าจะดีสุดๆ ช่วยให้ขับถ่ายคล่อง โดยไม่ต้องนั่งนานๆ ค่ะ

“สูตรพอกหน้าใส ไร้สิว ด้วยโยเกิร์ต”
นอกจากโยเกิร์ตจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว โยเกิร์ตยังมีประโยชน์ต่อผิวหน้าเราด้วยนะคะ ในโยเกิร์ตมีแลคโตบาซิลลัสที่สามารถช่วยขจัดแบคทีเรีย มี AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว ชำระล้างสิ่งสกปรก เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าด้วยค่ะ  โดยสูตรง่ายๆ ในการพอกหน้าให้เนียนสวย ไร้สิวมีดังนี้เลยค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียมก็คือ
1.โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
2. น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
3. มะนาว ครึ่งลูกค่ะ

วิธีการพอกหน้าด้วยโยเกิร์ต
– นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ แช่ในตู้เย็นให้เย็นฉ่ำ
– เมื่อโยเกิร์ตเย็นได้ที่ นำน้ำผึ้ง และมะนาวที่เตรีมไว้ มาผสมคนให้เข้ากัน จากนั้นพอกให้ทั่วใบหน้า โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาทีค่ะ
– จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วปิดท้ายด้วยการล้างซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการกระชับรูขุมขนค่ะ

เมื่อล้างส่วนผสมออก จะรู้สึกได้ถึงหน้าใหม่ที่นุ่มนิ่ม สดใสกว่าเดิม แนะนำให้ทำอาทิตย์ละครั้งนะคะ หากคุณมีรอยดำจากสิว รอยก็จะค่อยๆ จางหายไปอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวหน้าของคุณก็จะสวย เนียน ใสแล้วค่ะ
Note : สำหรับใครที่มีผิวบอบบาง อาจไม่ต้องใส่มะนาวก็ได้นะคะ

ขอขอบคุณ :

Thichy Na Sanook

ผู้สนับสนุนเนื้อหา

http://women.sanook.com/1406759/รวมสูตรเด็ด-สวยง่ายด้วยโยเกิร์ต/

รังไหมขัดหน้า ยังไง?

รังไหมขัดหน้า

จากผลการวิจัยพบว่า รังไหมมีโปรตีนอยู่หลายชนิด เราจึงนิยมนำสารสกัดจากโปรตีนรังไหมมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวให้สวยงามมากมาย

ดังนั้นการนำรังไหมจากธรรมชาติมาขัดหน้า โปรตีนจากรังไหมจะสามารถซึมลงบนผิวหน้าได้โดยตรง จึงสามารถช่วยให้ผิวหน้าเนียนสดใส เปล่งปลั่งขึ้นประกอบกับรังไหมมี siricin ที่เป็นโปรตีนจากธรรมชาติ มีโครงสร้างเหมือนผิวหนังของคน อ่อนโยนจึงไม่เกิดอาการแพ้

รังไหม 1รัง เมื่่อใช้เสร็จ อาจมีใยไหมที่ลอกสิ่งสกปรกออกมาให้ดึงออก แล้วล้างรังไหมในน้ำสะอาด

ผึ่งให้แห้ง สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 4 – 5ครั้ง หรือจนกว่ารังไหมจะบางลง

 วิธีใช้

1. นำรังไหม 1 รัง แช่ในน้ำสะอาด (น้ำอุ่นจะดีมาก) บีบจนรังไหมนิ่ม

2. ขณะล้างหน้าด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้า นำรังไหมที่นุ่มแล้ว สวมที่นิ้ว

3. ใช้นิ้วที่สวมรังไหมขัดหน้าเบาๆ วนเป็นวงกลม ทั่วบริเวณใบหน้า “เพื่อขจัดเซลผิวที่ตายแล้ว และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ให้ผิวหน้าดูมีเลือดฝาด”

4. ขัดบริเวณ T โซนเพื่อขจัดสิวเสี้ยน และรอยดำสิวให้จางลง

“เคล็ดลับ” ทำให้ผิว “ใต้วงแขนขาว”

   

อากาศร้อนแบบนี้สาวๆคงนึกถึง เสื้อแขนกุด สายเดี่ยว เกาะอก ออกมาใส่เป็นแน่ แต่จะทำไงดีล่ะกับผิวใต้วงแขน ที่ไม่เอื้ออำนวยให้โชว์ได้เลย วันนี้เรามีวิธีที่ง่ายแสนง่ายที่สำคัญประหยัดเงินในกระเป๋าสุดๆ ด้วยการนำของใช้ที่หาได้ในบ้านมาปฏิวัติความขาวให้ผิวใต้วงแขน เพื่อความมั่นใจของสาวๆ ค่ะ

 1. ขาวง่ายๆ ด้วยยาสีฟัน
        ยาสีฟันที่เราใช้แปรงฟันกันทุกวันนั่นแหล่ะค่ะ ใช้ได้ผลจริงๆ โดยใช้ยาสีฟันที่มีเนื้อครีมสีขาว ย้ำ สีขาวเท่านั้นยี่ห้ออะไรก็ได้แล้วแต่ความชอบ บีบแล้วป้ายเนื้อยาสีฟันให้ทั่วรักแร้ทั้งสองข้าง ควรทำก่อนอาบน้ำประมาณ 15 นาที (หรือถ้าจะทิ้งเอาไว้นานกว่านั้นก็ไม่เป็นค่ะ) จากนั้นก็ล้างออก ตอนล้างออกก็ให้ขัดๆ ถูๆ เบาๆ ไปด้วย คราบดำๆ ก็จะหลุดออกโดยง่าย วิธีนี้สามารถทำได้ทุกวันหรือทำบ่อยๆ ได้ตามสะดวกค่ะ นอกจากจะช่วยให้วงแขนขาวแล้ว ยังช่วยในเรื่องของกลิ่นตัวด้วย

2. ขาวด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน
         วิธีนี้ออกจะโบราณไปสักหน่อย แต่ได้ผลดีไม่แพ้วิธีแรกค่ะ โดยเราจะใช้สารส้มและมะนาว ในยุคนี้สารส้มเขามีการปรับปรุงรูปแบบใหม่ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยทำเป็นแบบแท่งสำเร็จรูปเหมือนโรลออน เปิดฝาปุ๊บถูได้ปั๊บหาซื้อก็ง่ายตามร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป ขั้นตอนก็ง่ายๆ ดังนี้ ให้นำสารส้มแบบแท่งไปถูๆ กับมะนาวสดผ่าซีก แล้วเอามาทาใต้รักแร้ทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาทีแล้วล้างออก อย่าเกินนี้นะคะ เพราะกรดของมะนาวจะทำให้ผิวหนังที่ตายแล้วหลุดลอกออกได้ง่าย แต่ถ้าทิ้งไว้นานกรดที่ว่าอาจจะทำให้ใต้วงแขนแสบและอักเสบเป็นผื่นแดงได้ วิธีนี้ไม่ควรทำเกินสัปดาห์ละสองครั้งนะค่ะ

3. ขาวด้วยมะขามเปียก

          ใช้มะขามเปียกผสมกับนมสดทารักแร้ทิ้งไว้ประมาณ10นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด ทำอาทิตย์ละ2ครั้ง ลำพังแค่ผิวหน้ากับผิวกาย สาวๆ บางคนยังอิดออดที่จะคอยหมั่นสครับขจัดเซลล์ผิว เลยไม่แปลกที่พื้นผิวเล็กๆ และไม่โจ่งแจ้งอย่างใต้วงแขนจะไม่ได้รับการดูแลขัดผิว จนทำให้เซลล์ที่ตายแล้วเกิดการทับถมเป็นเวลานาน จนกลายเป็นสีดำหมองคล้ำไม่ขาวใส

รักแร้ขาว

          ยังไงลองไปทำกันดูนะค่ะ นอกจากนี้สาวๆ ควรดูแลผิวใต้วงแขนให้สม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความมั่นใจสุดๆ เวลาใส่ชุดสวย เท่านี้คุณก็ไม่ตกเทรนด์สายเดี่ยว แขนกุดสุดชิคอีกต่อไป

 

สำหรับใครที่อยากขัดผิวขึ้นมาบ้าง ลองมาดูได้ที่เว็บนี้เลยนะคะ

http://sephira.lnwshop.com/category/3/face-scrub/ 

ที่มีมา guru.sanook.com

วิธีทำให้ผิวสวย หน้าใส

ผิวสวย หน้าใส อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากการดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และ ออกกำลังกายแล้ว เรายังสามารถบำรุงผิวด้วย เครื่องประทินผิวทั้งหลายที่ผลิตออกมา ให้เลือกใช้มากมาย

วันนี้จะขอแนะนำ วิธีที่จะทำให้ผิวสวย หน้าใส สบายกระเป๋า ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% นั่นคือ น้ำมันมะพร้าวนี่เองค่ะ

coconut1

น้ำมันมะพร้าวจะมาช่วยบำรุงผิวได้อย่างไร ?

น้ำมันมะพร้าวมีวิตามินอีที่มีอานุภาพมากกว่าวิตามินอีในเครื่องสำอาง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ป้องกันการเสื่อมโทรมของเซลล์จาก ขบวนการเติมออกซิเจน (Oxidation) ช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและทับถมกันจนทำให้ผิวแห้ง
ขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่จึงทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย ปราศจากริ้วรอยเหี่ยวย่น

น้ำมันมะพร้าวยังมีคุณสมบัติ

  • เป็นสารรักษาความชุ่มชื้น (Moisturizer) จึงช่วยให้ผิวหนังนุ่มและเนียน
  • ช่วยป้องกันและรักษาฝ้า และกระ
  • ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด

วิธีสวยง่ายๆ
ผิวกายสวยนวลเนียล    – นวดหรือชโลมตัวด้วยน้ำมันมะพร้าว
ผิวหน้าดูอ่อนวัย             – ใช้น้ำมันมะพร้าวทาทั่วใบหน้าก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน ผิวหน้าคุณจะดูสดใส เนียนนุ่มขึ้น (ไม่ต้องล้างออก) ทาพอให้ทั่วไม่ต้องเยิ้มนะคะ ^^

หากใครไม่ชอบกลิ่นของมะพร้าอาจจะเลือกใช้ผลิตที่ทำจากน้ำมันมะพร้าวในรูปแบบของ ครีม และโลชั่นจะทำให้ผิวพรรณนุ่มไม่แตกแห้งเป็นกระ หรือฝ้า ผิวจะเนียน ชุ่มชื่น ทั้งยังสามารถป้องกันผิวเสียจากแสงแดด และลมได้ด้วยค่ะ

**น้ำมันมะพร้าวในท้องตลาดมีมากมายหลายยี่ห้อให้เลือก แต่น้ำมันมะพร้าวที่มีประโยชน์ต่อผิวหน้าเราจริง มีไม่กีชนิดนะคะ

***วิธีเลือกซื้อ – ควรเลือกซื้อน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี 100%

*****มิฉะนั้นเวลานำมาทำที่ผิวหน้า จะรู้สึกอึดอัดจนรอสวยไม่ไหว ต้องไปล้างทิ้งนะคะ

หาซื้อน้ำมันมะพร้าวได้ที่ http://sephira.lnwshop.com/product/12/organic-virgin-coconut-oil-90ml

ผิวสวยใส ด้วยสตรอเบอร์รี่สด

     ช่วงนี้เริ่มเข้าฤดูสตรอเบอร์รี่กันแล้วนะคะ เดินไปเดินมาเห็นรถเข็นขายสตรอเบอร์รี่กันก็ แวะซื้อมากันซักหน่อย สตรอเบอร์รี่เนี่ยนอกจากจะไว้รับประทานกันแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อผิวทั้งภายในและภายนอกด้วยนะคะ มาดูกันเลยค่ะว่าเราสามารถนำเจ้าสตรอเบอร์รี่น้อย สีแดงๆมาทำอะไรกันได้บ้าง

**************

strawberry garden

*************

– ขัดลอกเซลล์ผิว ผ่าซีกสตรอเบอร์รี่และถูลงบนผิวหน้าให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างออก ผิวจะนุ่มลื่นขึ้นทันทีเลยล่ะ เพราะส่วนผสมของสตรอว์เบอร์รี่ที่ช่วยปรนเปรอผิวก็คือกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี่ ที่ช่วยในการขัดลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างยอดเยี่ยม

– สตรอว์เบอร์รี่ครีมมาสก์ สูตรนี้น่ากินมากเลย เพราะส่วนผสมของมันก็คือสตรอเบอร์รี่ ครีม แล้วก็น้ำผึ้ง แต่อย่าเพิ่งกินมันเข้าไปล่ะ ลองทาลงบนหน้าดีกว่า ทิ้งไว้สัก 10 นาทีแล้วล้างออก ผิวคุณจะนุ่มสวยทันตา

– สตรอว์เบอร์รี่สครับสำหรับเท้า ถ้าผิวเท้าหยาบกร้านไม่น่าดู ลองปรุงสครับสูตรนี้เพื่อเอาใจเท้าคู่ใจเราสักหน่อย ส่วนผสมก็คือ สตรอเบอร์รี่ 8 ผล น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1 ช้อนชา บดผสมให้เข้ากันจนเป็นส่วนผสมข้นๆ แล้วถูนวดลงบนเท้า จากนั้นก็ล้างออก และรอดูเท้าที่นุ่มนวลขึ้น

– แก้ตาบวม ฝานสตรอเบอร์รี่เป็นชิ้นบางๆ และวางลงใต้ตา ผ่อนคลายสัก 10 นาทีแล้วเอาออก

– มาสก์กำจัดสิว ไม่ว่าจะเป็นสิววัยรุ่นหรือสิววัยผู้ใหญ่ ลองปราบสิวด้วยสูตรนี้ สตรอเบอร์รี่หั่น ½ ถ้วย และครีมเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมเข้าด้วยกันให้ดีแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก

– มาสก์สำหรับผิวมัน ผสมสตรอเบอร์รี่สดบดละเอียดกับโยเกิร์ตแบบธรรมดาอย่างละเท่ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก ความมันวาวของใบหน้าจะลดลง

ที่มา : http://women.sanook.com

เรื่องสิวๆ

20130201-135942.jpg

   เรื่องสิว ปัญหาไม่สิว จากสถาบัน Leonard Drake ได้คิดค้นวิธีการวิเคราะห์ผิวที่ลึกซึ้งมากขึ้น พบว่าเม็ดสิวตามจุดต่างๆ บนใบหน้าไม่เพียงแค่ปัญหาของผิวภายนอกเท่านั้น แต่ยังสามารถบอกได้อีกว่าตำแหน่งของสิวนั้น สะท้อนถึงความไม่ปกติของอวัยวะภายในส่วนใดบ้าง โดยแบ่งส่วนใบหน้า ลำคอ และแผ่นอกออกเป็น 14 โซน

 

******

โซนที่ 1 และโซนที่ 3
ถ้ามีปัญหาสิวบริเวณนี้ คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ดังนั้นอาจต้องดื่มน้ำมากขึ้นหรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
 
โซนที่ 2
สิวบริเวณหว่างคิ้ว เกี่ยวกับตับ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) การทานอาหารรสจัด หรือ ทานอาหารดึกเกินไป
 
โซนที่ 4 และโซนที่ 10
ผิวบริเวณหูนี้ เป็นผลพวงของไต หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง
 
โซนที่ 5 และโซนที่ 9
บริเวณแก้มทั้งสองด้าน โดยแก้มส่วนบนจะเกี่ยวข้องกับไซนัสและปอด ส่วนแก้มส่วนล่าง เหงือกและฟัน สาเหตุอาจเป็นเพราะสูบบุหรี่จัด หรือ แพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรือ อาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือ โทรศัพท์มือถือไม่สะอาด
 
โซนที่ 6 และ โซนที่ 8
ตำแหน่งรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง เกี่ยวข้องกับไต และปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุมาจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ อาจไม่เหมาะสม หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือ พักผ่อนน้อย เปลือกตา หากมีความระคายเคือง อาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร
 
โซนที่ 7
ผิวบริเวณจมูกและริมฝีปาก แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากมีสิวบริเวณนี้อาจหมายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด
 
โซนที่ 11 และโซนที่ 13
หากผิวบริเวณนี้แตกระแหง สามารถบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาของฟันกราม หรือ ปัญหาเกี่ยวกับฟัน
 
โซนที่ 12
สิวเรื่อรัง บริเวณคางนี้ สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องลำไส้เล็ก ที่มีผลจากการรับประทานของเผ็ด
 
โซนสุดท้ายโซนที่ 14
หากคุณมีสิวบริเวณนี้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังเครียดสูง การวิเคราะห์สภาพผิวหน้าตามตำแหน่งต่างๆนี้ ทำให้รู้ได้ถึงสุขภาพภายในร่างกาย สิว หรือ รอยโรคต่างๆ ที่ใบหน้า จึงไม่ใช่แค่ปัญหาที่ผิวหนังเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงปัญหาสุขภาพของเราด้วย ดังนั้น การรักษาสิว หรือ ปัญหาด้านผิวหนัง จึงต้องควบคู่กับการดูแลบำรุงสุขภาพกายของเราด้วยไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การนอนหลับพักผ่อน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดภาวะความเครียด

ที่มา : sanook.com

Silk cocoon

The circle of silkworn

Life Cycle of silkworn

     The life cycle of silkworm before a butterfly the eggs develop into the silkworm. They eat for 20-30 days, consuming large amounts of mulberry leaves. The silkworm spins a cocoon for protection, to permit the development of the pupa or chrysalis. The cocoon takes about three days to be fully complete and is a similar size to a peanut shell.

     The chrysalis emerges from the cocoon as a moth. In cultivated silk, the grub is terminated while still inside the cocoon so that the long filaments are maintained. The moths mate and the female lays more than 350 eggs. The moths then die

cocoon

     As a results from past researches find that silk cocoon has properties that are beneficial to human skin in that it acts as skin moisturizer as much as  300 times of its weight. The protein contains about 16 -18 types of Amino acid which are antioxidants with substances that kill certain types of microorganism of skin disease cause.

     Moreover, protein from cocoon also helps eliminate toxics in skin cells; thus reduces skin inflammation, accelerates wound healing and erases wrinkles. Furthermore, it is found that protein obtained from cocoon enables cells to build collagen and elastin , which play a key role in revitalizing and boosting skin to have a flexible and moisturized look in older ages.

order silk cocoon at : http://atomic-temporary-44735533.wpcomstaging.com/silk-cocoon-face-scrub/